หมูเลือดและการให้เลือด

หมู่เลือดและการให้เลือดที่เยื้อหุ้มเซลล์ของเม็ดเลือดแดงมีสารที่เป็นแอนติเจนแต่ในพลาสมามีสารแอนติบอดีบางชนิดและเป็นแอนติบอดีที่ไม่ต่อต้านแอนติเจนที่ผิวเม็ดเลือดแดงของตนเอง จึงจำแนกกลุ่มเลือดของคนตามชนิดของแอนติเจนที่เยื้อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงและชนิดของแอนติบอดีในพลาสมาออกเป็นหลายระบบเช่น
1.1ระบบหมู่เลือด ABO ซึ่งแบ่งตามลักษณะของแอนติเจน(antigen) ที่ผิวเม็ดเลือดแดงได้เป็น 4 หมู่

ภาพแสดงแอนติเจนและแอนติบอดีของหมู่เลือดต่างๆ

ภาพแสดงแอนติเจนและแอนติบอดีของหมู่เลือดต่างๆ

หมู่เลือดและการให้เลือด

ที่มา: หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมและพื้นฐานชีววิทยาเล่ม 2 , สสวท

1. เลือดหมู่ A มี Antigen A ที่ผิวเม็ดเลือดแดง และมี antibody B ในน้ำเลือด (plasma)
2. เลือดหมู่ B มี Antigen B ที่ผิวเม็ดเลือดแดง และมี antibody A ในน้ำเลือด (plasma)
3. เลือดหมู่ AB มี Antigen A และ B ที่ผิวเม็ดเลือดแดง แต่ไม่มี antibody ในน้ำเลือด
4. เลือดหมู่ O ไม่มี Antigen ที่ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง แต่มี antibody A และ B อยู่ในน้ำเลือด

จะเห็นได้ว่า ชนิดของแอนติเจนเป็นไปตามชื่อของหมู่เลือดและแอนติเจนกับแอนติบอดีจะเป็นชนิดที่ตรงกันไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดการตกตะกอน เช่นผู้ที่มีเลือดหมู่ A จะมีแอนติบอดี A ไม่ได้ ผู้ที่มีหมู่เลือด AB จะมีแอนติบอดี A และ B ไม่ได้ ดังนั้นการถ่ายเลือดจึงต้องคำนึงถึงแอนติบอดี หลักสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ แอนติเจนของผู้ให้จะตรงกับแอนติบอดีของผู้รับไม่ได้โดยเด็ดขาด แต่แอนติบอดีของผู้ให้อาจตรงกับแอนติเจนของผู้รับได้บ้าง โดยการให้เฉพาะส่วนของเม็ดเลือด หรือให้เลือดอย่างช้าๆ เพื่อให้แอนติบอดีขอผู้ให้ถูกดูดซับโดยผนังเส้นเลือดของผู้รับแต่อาจมีการตกตะกอนมากแต่น้อยกว่า เลือดหมู่ที่เหมาะที่สุดที่ให้ผู้ป่วยคือหมู่เลือดเดียวกันกับผู้ป่วยเอง เลือดหมู่ O สามารถให้เลือดได้ทุกหมู่เนื่องจากไม่มีแอนติเจนที่ผิวเม็ดเลือดเรียกว่าผู้ให้สากล(universal doner) ส่วนเลือดหมู่ AB สามารถรับเลือดจากเลือดหมู่ใดก็ได้เนื่องจากไม่มีแอนติบอดีในน้ำเลือดเรียกว่าผู้รับสากล(universal recipient)

1.2หมู่เลือด Rh เป็นหมู่เลือดที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องคำนึงถึงเวลาถ่ายเลือด หมู่เลือด Rh สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วย คนไทยที่มีหมู่เลือด Rh เกือบร้อยละ 100 หมู่เลือด Rh พบน้อยมาก ประมาณ 1 ใน 500 คนเท่านั้น
หมู่เลือด Rh หมายถึงเลือดที่มีแอนติเจน Rh อยู่บนผิวเม็ดเลือดแดง แต่ไม่มีแอนติบอดี Rh ในน้ำเลือด
หมู่เลือด Rh หมายถึงเลือดที่ไม่มีแอนติเจน Rh ที่อยู่บนผิวเม็ดเลือดแดง และน้ำเลือดไม่มีแอนติบอดี Rh แต่สามารถสร้างแอนติบอดี Rh ได้เมื่อได้รับแอนติเจน Rh (Rh )
ดังนั้นในการให้เลือดแก่กันนั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัย Rh ด้วยเพราะถ้าผู้รับเลือดเป็น Rh ได้รับเลือด Rh เข้าไปในร่างกายของผู้รับก็จะถูกกระตุ้นให้ผู้รับสร้างแอนติบอดี Rh ขึ้นได้ ดังนั้นในการให้เลือด Rh ครังต่อไปแอนติบอดี Rh ในร่างกายของผู้รับจะต่อต้านกับแอนติเจนจากเลือดของผู้ให้ ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
การให้เลือดและการรับเลือดของคนที่มีหมู่เลือด Rh
1. คนที่มีเลือด Rh สามารถรับได้ทั้ง Rh และ Rh เพราะคนที่มีเลือด Rh ไม่สามารถสร้างแอนติบอดีได้
2. คนที่มีเลือด Rh รับเลือด Rh ครั้งแรกไม่เกิดอันตรายเพราะว่าแอนติบอดียังน้อย แต่จะเกิดอันตรายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในครั้งต่อไป
3. ถ้าแม่มีเลือด Rh รับเลือด Rh เมื่อมีลูก ลูกจะปลอดภัยไม่ว่าลูกจะมีเลือดเป็น Rh หรือ Rh
4. ถ้าแม่มีเลือด Rh พ่อ Rh ถ้าลูกมีเลือด Rh ลูกจะปลอดภัย แต่ถ้าลูกมีเลือด Rh ลูกจะไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะลูกคนต่อๆไป เพราะแอนติบอดี Rh ที่อยู่ในเลือดจากการตั้งครรถ์ครั้งแรกจะเข้าสู่เลือดของเด็กและเกดิปฏิกิริยาขึ้นได้ ถ้าหากให้การรักษาไม่ทันเดจะตายได้ อาการที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า Rh(Rh disease) หรือ Erythroblastosis fetalis ซึ่งเป็นโรคโลหิตจางทำให้เด็กแรกเกิดตาย

1. เลือดหมู่ A มี Antigen A ที่ผิวเม็ดเลือดแดง และมี antibody B ในน้ำเลือด (plasma)
2. เลือดหมู่ B มี Antigen B ที่ผิวเม็ดเลือดแดง และมี antibody A ในน้ำเลือด (plasma)
3. เลือดหมู่ AB มี Antigen A และ B ที่ผิวเม็ดเลือดแดง แต่ไม่มี antibody ในน้ำเลือด
4. เลือดหมู่ O ไม่มี Antigen ที่ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง แต่มี antibody A และ B อยู่ในน้ำเลือด

ที่มา: หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมและพื้นฐานชีววิทยาเล่ม 2 , สสวท.

~ โดย krugrace บน ตุลาคม 2, 2009.

ใส่ความเห็น